๑. ด้านอุตสาหกรรมและการบริการ
๑.๑ นาย Elon Musk ปธ. บ. Tesla ประกาศยกเลิกแผนการตั้งศูนย์การผลิตแห่งที่สอง ซึ่งจะเป็นศูนย์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ (Gigafactory) ใน สอ. และจะย้ายไปตั้งในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนีแทน โดยนาย Musk กล่าวว่า ความไม่ชัดเจนเรื่อง Brexit เป็นปัจจัยที่ทำให้ Tesla ตัดสินใจตั้งศูนย์การผลิตในเยอรมนี ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาย่อมเยา รุ่น Model Y เป็นรุ่นแรกและจะเริ่มการผลิตในปี ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
๑.๒ หน่วยคมนาคมของกรุงลอนดอน (Transport for London - TfL) ประกาศระงับใบอนุญาตบริการรถรับ-ส่งสาธารณะของ บ. Uber ในเขตกรุงลอนดอน โดยจะมีผลให้ใบอนุญาตของผู้ขับขี่รถ Uber กว่า ๔๕,๐๐๐ รายต้องสิ้นสุดลงในเดือน ธ.ค. ศกนี้เป็นต้นไป TfL ได้ปฏิเสธการต่ออายุใบอนุญาตดังกล่าวแก่ บ. Uber เนื่องจาก TfL ตรวจพบผู้ขับขี่ของ Uber จำนวน ๔๓ ราย สวมใบอนุญาตผู้อื่นในการให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสาร ซึ่งเกิดการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวเป็นจำนวนกว่า ๑๔,๐๐๐ ครั้ง ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา โดย TfL ให้เหตุผลว่า เนื่องจาก Uber ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืนได้และ TfL จำเป็นต้องยกเลิกใบอนุญาตของ Uber โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้บริการและความปลอดภัยโดยทั่วไปของกรุงลอนดอนเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี นาย Jamie Heywood ผจก. ทั่วไป สนง. ภูมิภาคยุโรปของ บ. Uber ที่ตั้งในกรุงลอนดอน กล่าวว่า บริษัทจะยื่นอุทธรณ์ประกาศของ TfL ต่อศาลอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้รถ Uber ยังคงให้บริการได้ไปพลางก่อนจนกว่ากระบวนการอุทธรณ์ตาม กม. จะสิ้นสุด ทั้งนี้ กรุงลอนดอนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปของ บ. Uber โดยมีผู้ใช้บริการกว่า ๓.๕ ล้านคน นอกจากนี้ การประกาศระงับใบอนุญาตดังกล่าวยังส่งผลให้ราคาหุ้นต่อหน่วยของ Uber ลดลงเกือบร้อยละ ๖
๑.๓ บ. Tata Steel ประกาศแผนการเลิกจ้างงานพนักงานในยุโรปจำนวน ๓,๐๐๐ คน เพื่อลดต้นทุนของบริษัทและปรับตัวเข้ากับความต้องการของตลาดในยุโรปที่ลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าโลก และในขณะเดียวกันอัตราค่าธรรมเนียมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมเหล็กในยุโรปก็ได้ปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการเลิกจ้างพนักงานใน สอ. จำนวน ๑,๐๐๐ คน ในโรงงานผลิตเหล็กที่เมือง Port Talbot ของแคว้นเวลส์ ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานอยู่จำนวนประมาณ ๔,๐๐๐ คน
๑.๔ บ. Npower ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทให้บริการพลังงานขนาดใหญ่ของ สอ. ประกาศแผนการเลิกจ้างพนักงานจำนวน ๔,๕๐๐ ตำแหน่ง ทั่ว สอ. เพื่อปรับโครงสร้างบริษัท โดยจะมีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้แทนพนักงานงานที่เลิกจ้าง อาทิ การให้บริการ call center เป็นต้น โดยนาย Johannes Teyssen หน. ฝ่ายบริหารของ บ. E.On (บ. สัญชาติเยอรมันที่เป็นเจ้าของ บ. Npower) กล่าวว่า การปรับโครงสร้างของบริษัทมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ รบ. สอ. ประกาศมาตรการควบคุมค่าธรรมเนียมด้านพลังงานเมื่อเดือน ม.ค. ๒๕๖๒ จนทำให้ผลกำไรของบริษัทในช่วง ๙ เดือนแรกของปี ๒๕๖๒ ลดลงคิดเป็นร้อยละ ๒๗ พร้อมเรียกร้องให้ รบ. สอ. แก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวโดยเร็วเพื่อป้องกันการพลิกผันในตลาดพลังงานสอ. ที่อาจเกิดขึ้น
๒. ด้านอสังหาริมทรัพย์
๒.๑ สนง. สถิติแห่งชาติ สอ. รายงานว่า ราคาบ้านพักอาศัยใน สอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๓ ในเดือน ก.ย. ๒๕๖๒ โดยบ้านพักในภาค ตต. เฉียงเหนือมีราคาสูงขึ้นร้อยละ ๒.๘ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สุดใน สอ. รองลงมาเป็นเขตภาคเหนือ (โดยเฉพาะในเขต Yorkshire) ที่ราคาปรับสูงขึ้นร้อยละ ๒.๒ ในขณะที่ในภาค ตอ. มีการปรับตัวลดลงร้อยละ ๐.๒ อย่างไรก็ดี บ้านพักในกรุงลอนดอนกลับมีมูลค่าลดลงร้อยละ ๐.๔ ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ ๑๕ ติดต่อกัน นอกจากนี้ การสำรวจของบริษัท Rightmove ซึ่งเป็นบริษัททางด้านอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนว่า จำนวนบ้านที่ประกาศขายมีอัตราลดลงร้อยละ ๑๔.๙ ในช่วงวันที่ ๑๓ ต.ค. - ๙ พ.ย. ๒๕๖๒ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นอัตราที่ลดลงมากที่สุดในรอบ ๑๐ ปี
๒.๒ การสำรวจสถิติการก่อสร้างในกรุงลอนดอนของบริษัท Deloitte Real Estate สะท้อนว่า การปลูกสิ่งก่อสร้างใหม่เพื่อใช้เป็น สนง. ในกรุงลอนดอนในช่วง ๖ เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนลดลงจาก ๓.๕ ล้านตารางฟุต (๓๗ โครงการ) มาอยู่ที่ ๑.๘ ล้านตารางฟุต (๒๔ โครงการ) โดยการสำรวจนี้ครอบคลุมพื้นที่พาณิชย์หลักใจกลางกรุงลอนดอนที่สำคัญ ๗ พื้นที่ ได้แก่ The City, West End, Docklands, King’s Cross, Midtown, Paddington และ Southbank และพื้นที่รองอีก ๓ พื้นที่ ได้แก่ Vauxhall-Nine Elms-Battersea, White City และ Stratford โดยนาย Mike Cracknell ผอ. บริษัท Deloitte Real Estate ให้ข้อมูลว่า จำนวนพื้นที่การปลูกสิ่งก่อสร้างใหม่ที่ลดลงดังกล่าวไม่ได้เป็นสัญญาณที่น่าวิตกกังวลใดแต่เป็นการปรับสมดุลของตลาดภาคการก่อสร้างหลังจากที่เคยมีสถิติสูงสุดเมื่อ ๓ ปีก่อน รวมทั้งเกิดจากการที่โครงการก่อสร้างใหม่ ๆ ในกรุงลอนดอนส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี สื่อและการสื่อสาร และการเงิน จึงมีการใช้พื้นที่น้อยกว่าโครงการก่อสร้างโรงแรมหรือที่อยู่อาศัยที่เคยได้รับความนิยมก่อนหน้านี้
๓. ข้อสนเทศเพิ่มเติม
๓.๑ ผลการสำรวจข้างต้นสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า ความไม่ชัดเจนเรื่อง Brexit ส่งผลกระทบทางลบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า ๑๕ ไตรมาส (ประมาณ ๓ ปีครึ่ง) กอปรกับความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังการยุบสภาเมื่อต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ก็ยิ่งทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะในกรุงลอนดอนปรับตัวลดลงมาอีก เนื่องจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างชะลอการตัดสินใจเพื่อรอผลการเลือกตั้งในวันที่ ๑๒ ธ.ค. ๒๕๖๒ ว่า ทิศทางของ Brexit จะดำเนินไปเช่นไร รวมทั้ง เพื่อรอดูนโยบายของ รบ. ใหม่ในเรื่องภาษีอากรการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (stamp duty land tax) ว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากเดิมหรือไม่ (ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๕ – ๑๐ ขึ้นอยู่กับมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์) อย่างไรก็ดี ตลาดการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง (ซึ่งตรงกันข้ามกับตลาดการซื้อขาย) ตามอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพพื้นฐาน (ประมาณร้อยละ ๓ - ๕ ต่อปี) โดยเฉพาะห้องเช่าที่มีขนาด ๓ – ๔ ห้องนอน เนื่องจากความต้องการในการย้ายบ้านเพื่อการทำงานและการขยายครอบครัวหลังสมรสยังคงมีสูง ซึ่งเป็นความต้องการที่อยู่เหนือปัจจัยเรื่อง Brexit
๓.๒ สถานการณ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินปอนด์ปรับตัวในทิศทางบวก เนื่องจากแนวโน้มความเสี่ยงของ No-deal Brexit ลดลงหลัง EU ขยายกำหนดเวลา Brexit ออกไปเป็นวันที่ ๓๑ ม.ค. ๒๕๖๓ และจากปัจจัยด้าน ศก. ของยุโรป และสหรัฐฯ ที่มีการเติบโตลดลง ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินปอนด์ต่อยูโร (ณ วันที่ ๒๘ พ.ย. ๒๕๖๒) สูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ ๑ ปอนด์ต่อ ๑.๑๗๒๕ ยูโร อย่างไรก็ตาม อัตราการแลกเปลี่ยนเงินปอนด์อาจเกิดความผันผวนอีกครั้งในช่วงหลังการเลือกตั้งทั่วไป