สรุปข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญในสอ. ในช่วงวันที่ 16 – 31 ม.ค. 63

สรุปข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญในสอ. ในช่วงวันที่ 16 – 31 ม.ค. 63

วันที่นำเข้าข้อมูล 7 ก.พ. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 594 view
๑. ด้านธุรกิจและการลงทุน
     ๑.๑  บ. PwC เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ จำนวนประมาณ ๑,๖๐๐ คน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี ๒๕๖๒ พบว่า ผู้บริหารระดับโลกกลับมาให้ความสนใจด้านการลงทุนใน สอ. เพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะผู้บริหารจากเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ในระดับใกล้เคียงกับเมื่อปี ๒๕๕๘ ก่อนการลงประชามติเรื่อง Brexit และเห็นว่า สอ. เป็น ปท. ที่มีการเติบโตมากเป็นลำดับที่ ๔ รองจากสหรัฐฯ จีน และเยอรมนี ตามลำดับ โดยนาย Kevin Ellis ประธาน บ. PwC UK กล่าวว่า ผลการสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในสภาวะ ศก. โลกที่ค่อนข้างแปรปรวน สอ. ยังเป็น ปท. ที่น่าลงทุนและทำธุรกิจ เนื่องจากเป็น ปท. ที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพและได้เปรียบจากตำแหน่งที่ตั้งและ time zone ที่อยู่ใจกลางระหว่างสหรัฐฯ เอเชีย และยุโรป รวมทั้งความน่าเชื่อถือในการประกอบธุรกิจ อย่างไรก็ดี ข้อกังวลหลักของผู้บริหารต่าง ๆ เกี่ยวกับ สอ. คือ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะจำเป็นสำหรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ มากกว่าประเด็นปัญหาด้านการค้าและด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่อาจเปลี่ยนแปลงไปหลังจาก สอ. ออกจาก EU จึงเสนอให้ รบ. สอ. มีมาตรการสนับสนุนให้บริษัทต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการพัฒนาทักษะของบุคลากร (reskilling) ของตนเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ ผลการสำรวจดังกล่าวยังพบว่า ผู้บริหารร้อยละ ๕๑ เห็นว่า การค้นหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะช่วยสนับสนุนโอกาสทางธุรกิจใน สอ. ในอนาคต
     ๑.๒ บ. Bovill (บริษัทที่ปรึกษาทาง กม. ใน สอ.) ให้ข้อมูลว่า สถิติของสถาบันกำกับดูแลและตรวจสอบ      ด้านการเงิน (Financial Conduct Authority – FCA) บ่งชี้ว่า ยังมีสถาบันทางการเงิน สินทรัพย์ และประกันภัยของ EU ราว ๑,๐๐๐ แห่ง (แบ่งเป็นของไอร์แลนด์ ๒๒๘ บริษัท ฝรั่งเศส ๑๗๐ บริษัท ไซปรัส ๑๖๕ บริษัท และเยอรมนี ๑๔๙ บริษัท) วางแผนเปิด สนง. ใน สอ. หลัง Brexit เพื่อให้สามารถบริการลูกค้าใน สอ. ต่อไปได้ โดยบริษัทเหล่านี้ได้สมัครขอสิทธิการดำเนินธุรกิจชั่วคราวใน สอ. หลังวันที่ ๓๑ ม.ค. ๒๕๖๓ แล้ว นาย Michael Johnson ที่ปรึกษาของ บ. Bovill กล่าวว่า สถิติข้างต้นแสดงให้เห็นว่า หลายบริษัทยังเห็นว่า สอ. เป็นศูนย์กลางการบริการทางการเงินที่สำคัญในยุโรป นอกจากนี้ บ. Consultants EY ให้ข้อมูลว่า บริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานอยู่ใน สอ. วางแผนการเปิด สนง. ใน EU เช่นกัน และคาดว่าจะมีการโยกย้ายพนักงานจากกรุงลอนดอนไป EU ราว ๗,๐๐๐ ตำแหน่ง และอาจมีการจ้างงานเพิ่มอีกใน EU กว่า ๒,๔๐๐ ตำแหน่ง อย่างไรก็ดี บริษัทส่วนใหญ่ยังคงรอดูผลการเจรจาด้าน คสพ. ใหม่ระหว่าง สอ. กับ EU เพื่อการตัดสินใจในขั้นตอนต่อไป
     ๑.๓ บ. Cedar Holding บริษัทสัญชาติจีนที่มี สนง. ใหญ่ในนครกวางโจว ได้เข้าซื้อกิจการ บ. Stemcor ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทค้าเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลกของ สอ. ด้วยเงินทุนจำนวน ๑๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นบริษัทสัญชาติจีนรายที่สองที่ซื้อกิจการเหล็กของ สอ. โดยก่อนหน้านี้ในปี ๒๕๖๒ บ. Jingye ได้ซื้อ บ. British Steel จาก รบ. สอ. ด้วยเงินทุนจำนวน  ๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี รายงานข่าวดังกล่าวเริ่มสะท้อนว่า การครอบครองกิจการของ สอ. โดยบริษัทสัญชาติจีนเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งยังมีข้อกังวลว่า บริษัทค้าเหล็กรายอื่นของ สอ. อาจต้องพบกับการแข่งขันจากการนำเข้าเหล็กราคาถูกจากจีน และได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ 
     ๑.๔ บ. EasyJet รายงานว่า ในช่วงเดือน ต.ค. - ธ.ค. ๒๕๖๒ บริษัทฯ มีผลกำไรเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ ๘.๘ ต่อที่นั่ง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการล้มละลายของ บ. Thomas Cook ซึ่งเป็นหนึ่งใน บ. คู่แข่ง ทั้งนี้ คาดว่า ผลประกอบการดังกล่าวจะช่วยลดการขาดทุน ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๓ ได้ (บริษัทฯ ขาดทุนจำนวน ๒๗๕ ล้านปอนด์ในครึ่งแรกของปี ๒๕๖๒) นาย Johan Lundgren ผู้บริหารของ EasyJet กล่าวว่า ขณะนี้ momentum ของบริษัทอยู่ในทิศทางบวกและคาดว่า จะขยายตัวต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของบริษัทมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ ๓  
     ๑.๕ สนข. บีบีซี (BBC) ประกาศแผนเลิกจ้างพนักงานจำนวน ๔๕๐ คน และยุติการผลิตรายการ Newsnight ของช่อง BBC Two / รายการวิทยุ BBC Radio 5 Live และรายการ the World Update ของช่อง BBC World Service เพื่อลดต้นทุนจำนวน ๘๐ ล้านปอนด์ภายในปี ๒๕๖๕ โดยนาง Fran Unsworth ผอ. BBC กล่าวว่า วิธีการรายงานข่าวจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนจากช่องทางดั้งเดิมไปให้ความสำคัญกับช่องทางดิจิตัลมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภค  ที่เปลี่ยนไปด้วย และเพื่อให้เข้าถึงกลุ่ม ปชช. ที่มีอายุต่ำกว่า ๓๕ ปีได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ BBC วางแผนนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้ลงทุนสำหรับการพัฒนาช่องทางดิจิตัลเพิ่มเติม รวมถึงการเปิด BBC News ในรูปแบบของแอพพลิเคชันอีกด้วย
                         
๒. นโยบายของภาครัฐ
     รบ. สอ. ประกาศเริ่มใช้มาตรการตรวจคนเข้าเมืองประเภท “Global Talent Visa” ในวันที่ ๒๐ ก.พ. ๒๕๖๓ เพื่อทดแทนมาตรการตรวจคนเข้าเมืองเดิมประเภท tier one (exceptional talent) โดยจะพิจารณาอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่มีทักษะอาชีพขั้นสูง เช่น นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และนักคณิตศาสตร์ เข้ามาทำงานใน สอ. ได้โดยไม่จำกัดจำนวนคนต่อปี ผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทดังกล่าวไม่จำเป็นต้องมีงานรองรับก่อนเดินทางเข้ามาใน สอ. และเปิดโอกาสให้สถาบัน/องค์กรวิชาการชั้นนำใน สอ. สามารถออกเอกสารในลักษณะ recommend ผู้สมัครที่มีทักษะสูงเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ รบ. สอ. ยังประกาศเพิ่มเงินสนับสนุนจำนวน ๓๐๐ ล้านปอนด์ให้แก่การค้นคว้าวิจัยด้านคณิตศาสตร์ขั้นสูงด้วย

๓. ข้อสนเทศเพิ่มเติม
    ๓.๑ ภาพรวมของ ศก. สอ. ในช่วงเดือน ม.ค. ๒๕๖๓ มีการปรับตัวในทิศทางบวก เนื่องจากภาคธุรกิจและภาคเอกชนมีความมั่นใจต่ออนาคตของ สอ. เพิ่มขึ้น หลังจากที่ รบ. ภายใต้การนำของนาย Boris Johnson สามารถยุติสภาวะชะงักงันทางการเมืองในประเด็น Brexit ได้เป็นผลสำเร็จ ผลจากนโยบายและการดำเนินงานที่ชัดเจนของ รบ. ส่งผลให้ดัชนี Purchasing Managers’ Index (PMI) ของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ ๕๒.๔ ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ ๑๖ เดือน นอกจากนี้ ผลสำรวจของ บ. Deloitte ยังพบว่า ผู้บริหารด้านการเงินในภาคธุรกิจเชื่อว่า หลังจากนี้ผลประกอบการของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นกว่าในช่วง ๓ เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นของ ปชช. สอ. จำนวน ๒,๐๐๐ คน ของ บ. Longitude Research (บริษัทลูกของ Financial Times) ตั้งแต่หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน ธ.ค ๒๕๖๒ เป็นต้นมา สะท้อนว่า ปชช. ร้อยละ ๔๑ มั่นใจว่า ศก. สอ. จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในอนาคต ซึ่งอัตราดังกล่าวถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. ๒๕๖๐
    ๓.๒ การขยายตัวทาง ศก. ที่มีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงเดือน ม.ค. ๒๕๖๓ ยังทำให้ธนาคารแห่งชาติของอังกฤษ (Bank of England – BoE) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ ๐.๗๕ อย่างไรก็ดี BoE คาดการณ์ว่า ศก. สอ. จะขยายตัว   โดยเฉลี่ยในอัตราร้อยละ ๑.๑ ในช่วง ๓ ปีหลังจากนี้ ซึ่งเป็นอัตราที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของ รบ. สอ. โดยนาย Sajid Javid  รนรม. และรมว. คลัง สอ. กล่าวว่า รบ. ตั้งเป้าหมายการขยายตัวทาง ศก. สอ. ไว้ที่ประมาณร้อยละ ๒.๘ ซึ่งการประเมินดังกล่าวของ BoE ทำให้อัตราการแลกเปลี่ยนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นมาอยู่ในระดับ ๑.๑๘๘ ยูโร ต่อ ๑ ปอนด์ (ณ วันที่ ๓๑ ม.ค. ๒๕๖๓)