** สารจากเอกอัครราชทูตพิษณุ สุวรรณะชฎ (๓๐ กันยายน ๒๕๖๕) **

** สารจากเอกอัครราชทูตพิษณุ สุวรรณะชฎ (๓๐ กันยายน ๒๕๖๕) **

วันที่นำเข้าข้อมูล 4 ต.ค. 2565

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 ต.ค. 2565

| 1,955 view

771F274C-05C2-4962-9CC5-3AF07B505123

พี่น้องชาวไทยในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ที่รักทุกท่าน

วันที่ ๓๐ กันยายน เป็นวันที่มีความสำคัญต่อข้าราชการไทยทุกคนที่มีอายุครบหกสิบปี เนื่องจากเป็นวันครบอายุเกษียณราชการ ซึ่งใน พ.ศ. ๒๕๖๕ ผมเป็นหนึ่งในจำนวนข้าราชการกลุ่มนี้ จึงขอส่งสารฉบับนี้มาเพื่ออำลาและขอบคุณทุกท่าน ก่อนที่ผมจะได้เดินทางกลับไปใช้ชีวิตหลังจากนี้ที่บ้านเกิดในประเทศไทย

ผมได้ปฏิบัติหน้าที่เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน เมื่อปี ๒๕๖๐ รวมเวลาในการปฏิบัติหน้าที่นี้เกือบ ๖ ปี ตลอดระยะเวลาดังกล่าว ผมและทีมงานสถานเอกอัครราชทูตฯ ยึดมั่นในหัวใจการทำงานที่อยู่บนคำขวัญที่ว่า “ทุกข์สุขของคนไทย สถานทูตเอาใจใส่ช่วยดูแล” และได้ยึดถือหลักเกณฑ์นี้เป็น “แก่น” ในการปฏิบัติหน้าที่ วันนี้จึงเป็นโอกาสที่จะได้ใช้เวลาสั้น ๆ ทบทวนและรายงานให้ทุกท่านทราบถึงงานของสถานเอกอัครราชทูตฯ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา และจะชี้ชวนให้ทุกท่านได้ร่วมกันมองไปข้างหน้าและก้าวเดินต่อไปไปด้วยกัน  

ในด้านความสัมพันธ์ไทย – สหราชอาณาจักร สายสัมพันธ์ของสองประเทศมีความแน่นแฟ้น ใกล้ชิด และแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยนับเป็นการเปิดศักราชใหม่ของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหราชอาณาจักรในทุกมิติ แม้ในยามวิกฤตโควิด-๑๙ ความสัมพันธ์ฉันมิตรใกล้ชิดนี้ก็มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคและความท้าทายหลายประการที่สองพระราชอาณาจักรเผชิญอยู่ร่วมกัน ความร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาและรักษาผลประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน และการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงบ่อยครั้ง ซึ่งในบริบทของ Brexit ที่สหราชอาณาจักรออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) และมีนโยบายโน้มเข้าหาภูมิภาคอินโดแปซิฟิก (Indo-Pacific Tilt) มากขึ้น ได้เป็นโอกาสสำหรับไทยทั้งที่จะแสดงบทบาทนำในฐานะสะพานเชื่อมโยงสหราชอาณาจักรกับภูมิภาค โดยเฉพาะผ่านกรอบความร่วมมือในภูมิภาคที่ไทยมีบทบาทที่แข็งขันและสร้างสรรค์ เช่น อาเซียน APEC ฯลฯ พี่น้องจึงควรจะได้มองถึงโอกาสด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากพัฒนาการของความสัมพันธ์ในภาพกว้าง การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและภูมิรัฐศาสตร์ที่มีผลต่อไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแสวงหาโอกาสและหนทางส่งเสริมต่อยอดผลประโยชนน์ด้านต่าง ๆ ให้เพิ่มพูนขึ้น

ในมิติด้านเศรษฐกิจ ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรขยายตัวบนพื้นฐานของผลประโยชน์และความสนใจร่วมกันของทั้งสองฝ่ายที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้าในระดับรัฐมนตรีระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร (JETCO) ซึ่งจะเป็นกลไกความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญและการแลกเปลี่ยนการค้าการลงทุนสองฝ่ายที่ขยายตัวขึ้นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากการลงทุนขนาดใหญ่ของไทยในสหราชอาณาจักรได้ขยายตัวและเป็นที่ประจักษ์มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ  ทำให้ภาคธุรกิจไทยอยู่ในจอเรดาร์และถูกจับตามองในฐานะนักลงทุนศักยภาพสูงและตลาดใหม่ที่ฝ่ายสหราชอาณาจักรสนใจจะขยายความเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของฝ่ายไทย และพัฒนาการด้านนี้ได้เปิดโอกาสมากมายให้กับทั้งสองประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ควรศึกษาเนื้อหาต่าง ๆ ให้ลึกซึ้ง เพื่อให้เห็นโอกาสที่เปิดกว้างอยู่และใช้โอกาสเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์  

ในด้านสังคม อุปสรรคและความท้าทายที่เกิดขึ้นจากวิกฤตโควิด-๑๙ กลายมาเป็นโอกาสสำคัญในการขยายความร่วมมือแห่งอนาคตระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรในด้านสังคม อาทิ กิจการสาธารณสุข ได้แก่ การส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเพื่อก้าวข้ามความท้าทายต่าง ๆ ด้วยวิทยาศาสตร์บนพื้นฐานของความยั่งยืน ในประเด็นด้านสังคมอื่น ๆ อาทิ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในภาวะ New Normal ไทยจะสามารถร่วมกับสหราชอาณาจักรในฐานะประเทศผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างกว้างขวาง โดยให้เป็นไปตามแนวยุทธศาตร์การพัฒนาที่ไทยยึดถือ ได้แก่ การเดินหน้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบ BCG (Bio-Circular-Green) Economy อันเป็นวาระแห่งชาติของไทยที่จะผลักดันความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ และเป็นแนวทางหลักที่ไทยในฐานะประธานและเจ้าภาพการประชุมเอเปค ๒๐๒๒ จะผลักดัน  เพื่อนำพาสังคมและประชาชนทั้งสองประเทศไปสู่ความยั่งยืนร่วมกันในอนาคต

ในประเด็นอื่น ๆ ที่มีความสำคัญของโลก (Global Agenda)  อาทิ ปัญหาโลกร้อน สิ่งแวดล้อม วิกฤติพลังงาน ฯลฯ ไทยก็ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทนำในเวทีโลกที่สหราชอาณาจักรได้เป็นเจ้าภาพ อาทิ การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๖ หรือ COP-26 ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ ๓๑ ตุลาคม - ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ที่เมืองกลาสโกว์ ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์สำคัญที่ประเทศไทยได้แถลงคำมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากวันนี้ถึงปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ลงร้อยละ ๔๐ ซึ่งจะสามารถทำให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (carbon neutrality) ภายในปี พ.ศ. ๒๕๙๓ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero greenhouse gas emission) ภายในหรือก่อนปี พ.ศ. ๒๖๐๘ ที่จะช่วยในการพิทักษ์รักษาสิ่งแวดล้อมของโลกเพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษยชาติ และโดยที่การประกาศท่าทีสำคัญนี้ได้เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร จึงควรอย่างยิ่งที่ไทยจะได้เรียนรู้และเกี่ยวพันอย่างสร้างสรรค์กับสหราชอาณาจักร ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้นำโลกด้านการใส่ใจในสภาพแวดล้อม ผู้นำในด้านการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงแม่แบบแห่งความเป็นเลิศที่พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ต่าง ๆ ให้กับมิตรประเทศ เพื่อที่ไทยจะสามารถเดินหน้าสู่ความสำเร็จได้ตามวิสัยทัศน์

ในระดับประชาชน ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมสายสัมพันธ์พิเศษระหว่างสองประเทศ นอกเหนือจากการผลักดันให้เกิดความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างภาคธุรกิจขนาดใหญ่ของสองประเทศในกรอบความร่วมมือของ Thailand-UK Business Leadership Council แล้ว สถานเอกอัครราชทูตฯ มิได้ละเลยธุรกิจระดับ SME จึงได้ริเริ่มงานเชิงรุกเพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคเยาวชนของไทยมีส่วนร่วมและเป็นพันธมิตรในการส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับประเทศไทยและเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ระดับประชาชนระหว่างสองประเทศในหลายด้าน อาทิ การสร้างดิจิทัลไทยทาวน์ “ThailandinUK Marketplace” ซึ่งทุกวันนี้ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นแพล็ตฟอร์มสำคัญที่เชื่อมโยงชุมชนและภาคส่วนต่าง ๆ ของไทยในสหราชอาณาจักรอย่างไร้พรมแดน ดังจะเห็นได้จากความสำเร็จของการจัดงานประชาสัมพันธ์การเปิดประเทศไทย “Thailand Showcase” ที่กรุงลอนดอน เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นครั้งสำคัญที่ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนไทยต่างมาร่วมแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการจัดงาน จนทำให้งานประสบความสำเร็จและได้รับการชื่นชมว่า สะท้อนภาพความเป็นไทยได้อย่างมีพลังและเป็นเอกภาพ การบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนของไทยในสหราชอาณาจักรเช่นนี้ จะเป็นพลังแห่งอนาคตสำคัญในการขับเคลื่อนผลประโยชน์ของประเทศไทยในสหราชอาณาจักร และควรจะต้องดำเนินต่อไปในอนาคต

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ยกระดับและพัฒนาการบริการให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งผมถือเป็นหัวใจในการทำงานตามคำขวัญของสถานเอกอัครราชทูตฯ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การปรับปรุงอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตฯ ให้ทันสมัยและเป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย มีความเป็นสากล ให้บริการด้านกงสุลด้วยน้ำใจไมตรีอย่างไทยด้วยความเอาใจใส่ เปิดโอกาสให้พี่น้องสามารถเข้าถึงสถานเอกอัครราชทูตฯ ด้วยความสะดวกและมิตรไมตรีจิตที่ดี อีกทั้งส่งเสริมให้เกิดชิ้นงานใหม่ ๆ เพื่อสร้างเสริมโอกาสด้านต่าง ๆ ด้วยเอกลักษณ์ไทย อาทิ การพัฒนาสื่อดิจิทัลเพื่อสอนภาษาและวัฒนธรรมไทยผ่านห้องเรียนออนไลน์ของสถานเอกอัครราชทูตฯ การจัดหลักสูตรออนไลน์รูปแบบต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SME ไทยในสหราชอาณาจักร  การจัดบริการกงสุลสัญจร การสร้างเครือข่ายสายสัมพันธ์ระหว่างสถานเอกอัครราชทูตฯ กับกลุ่มองค์กรสมาคมคนไทยทั้งในสหราชอาจักรและไอร์แลนด์ สามัคคีสมาคมฯ (สมาคมนักเรียนไทยในสหราชอาณาจักร) ฯลฯ ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะให้พี่น้องคนไทยทุกกลุ่มทุกวัยตระหนักถึงสถานเอกอัครราชทูตฯ ในฐานะมิตรและคนในครอบครัวเดียวกัน และสามารถฝากความหวังด้านต่าง ๆ ของพี่น้องทุกท่านไว้บนพื้นฐานของความเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ จะยังคงยึดมั่นและดำเนินการพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป  

ผมขอเรียนด้วยความจริงใจว่า ภารกิจของสถานเอกอัคราชทูตดังกล่าวโดยสังเขปข้างต้น จะไม่อาจประสบผลสำเร็จได้เลย หากไม่ได้รับความร่วมมือและความเข้าใจที่ดีจากพี่น้องทุกท่านในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ที่ได้เป็นทั้งแรงบันดาลใจ แรงผลักดัน และกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่สถานเอกอัครราชทูตฯ เสมอ กับขอเรียนให้ทุกท่านทราบได้ร่วมกันภาคภูมิใจว่า ในทุก “ความสำเร็จ” ของภารกิจของสถานเอกอัครราชทูตฯ ในสหราชอาณาจักรในรอบหลายปีที่ผ่าน ทุกท่านล้วนมีส่วนร่วมอยู่ในความสำเร็จเหล่านี้ทั้งสิ้น

ขอถือโอกาสนี้อำลาทุกท่านด้วยความซาบซึ้งใจ ผมขอขอบคุณในความเข้าใจอันดี กำลังสนับสนุน และ “น้ำใจ” ที่ทุกท่านมีให้กับผมและทีมงานสถานเอกอัครราชทูตฯ มาโดยตลอด และผมจะระลึกถึงพี่น้องทุกท่านพร้อมกับเก็บประสบการณ์แห่งมิตรภาพและไมตรีจิตนี้ไว้ในความทรงจำตลอดไป

ขอขอบพระคุณมาด้วยความจริงใจ

 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ