สรุปข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญใน สอ. ในช่วงวันที่ 16 - 30 พ.ย. 2564

สรุปข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญใน สอ. ในช่วงวันที่ 16 - 30 พ.ย. 2564

วันที่นำเข้าข้อมูล 10 ธ.ค. 2564

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 6,535 view

๑. ผลกระทบจากปัจจัย Brexit ต่อภาคธุรกิจ สอ.
   - ซุปเปอร์มาร์เก็ต Lidl ซึ่งเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติเยอรมันใน สอ. ที่เน้นแข่งขันด้านราคาประกาศแผนขยายกิจการเพิ่มเป็น ๑,๑๐๐ แห่ง ภายในปี ๒๕๖๘ ซึ่งจะทำให้มีการจ้างงานเพิ่มจำนวน ๔,๐๐๐ ตำแหน่ง ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการมีผลประกอบการที่ดี แม้ว่าจะเน้นการจำหน่ายในร้านค้า (in-store approach) เท่านั้น (ไม่จำหน่ายออนไลน์หรือจัดส่งถึงบ้าน) โดยผลประกอบการในช่วง ๑๒ เดือนที่ผ่านมาคิดเป็นมูลค่า ๗.๗ พันล้านปอนด์ (รายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒) และมีผลกำไรอีกครั้งประมาณ ๑๐ ล้านปอนด์ (จากที่ขาดทุน ๒๕ ล้านปอนด์ในรอบบัญชีที่แล้ว) ปัจจุบัน Lidl มีกิจการใน สอ. รวมกว่า ๘๘๐ แห่ง มีคลังเก็บสินค้า/ศูนย์กระจายสินค้าในอังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์รวมจำนวน ๑๓ แห่ง และมีการจ้างงานกว่า ๒๖,๐๐๐ ตำแหน่ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดใน สอ. คิดเป็นร้อยละ ๖.๒ (เทียบกับส่วนแบ่งทางการตลาดของ Tesco ที่ร้อยละ ๒๗.๖ Sainsbury’s ร้อยละ ๑๕.๒ Asda ร้อยละ ๑๔.๓ Aldi ร้อยละ ๗.๙ และ Co-op ร้อยละ ๖.๓)[1] อย่างไรก็ดี Lidl ประเมินว่าในรอบปีที่ผ่านมาปัจจัย Brexit ได้สร้างความไม่สะดวกและเพิ่มต้นทุนให้แก่บริษัทเนื่องจากขั้นตอนด้านเอกสารเกี่ยวกับศุลกากรและใบรับรองสุขอนามัยสินค้าที่ยุ่งยากมากขึ้น ในขณะที่ขีดความสามารถของ จนท. และระบบการตรวจสอบมีไม่เพียงพอ จึงทำให้เกิดความล่าช้าต่อระบบห่วงโซ่อุปทานของบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีแนวโน้มให้บริษัทต้องปรับโครงสร้างต้นทุนและราคาค้าปลีกในระยะยาวต่อไป แม้ว่าปัจจัยด้านราคาจะเป็นความได้เปรียบเชิงแข่งขันของบริษัทก็ตาม ทั้งนี้ แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับซุปเปอร์มาร์เก็ตรายอื่นที่ได้ทยอยปรับขึ้นก่อนแล้วและสะท้อนการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพโดยรวมใน สอ. ในปัจจุบัน

๒. ผลกระทบจากวิกฤตโควิดต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของ สอ.
    ๒.๑ พลังงาน บ. Bulb Energy ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานขนาดใหญ่อันดับที่ ๗ ของ สอ. (มีฐานลูกค้าร้อยละ ๖ หรือจำนวนประมาณ ๑.๗ ล้านครัวเรือน) ถือเป็นบริษัทรายใหญ่ที่สุดที่ออกมาประกาศล้มละลายซึ่งมีสาเหตุจากวิกฤตราคาก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ Bulb เป็นบริษัทพลังงานรายแรกที่เข้าสู่กระบวนการ “Special Administrator Regime (SAR) ซึ่งเป็นมาตรการที่ Ofgem (Office of Gas and Electricity Markets) หน่วยงานอิสระของรัฐที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลราคาก๊าซและไฟฟ้าเพื่อความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค เข้ามาบริหารจัดการบริษัทดังกล่าวแทนเองจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของกิจการใหม่เนื่องจาก Bulb มีฐานลูกค้าที่ใหญ่เกินกว่าที่บริษัทอื่นจะรับผิดชอบดูแลได้ และมีวัตถุประสงค์เพื่อจำกัดผลกระทบที่อาจเกิดกับภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว ปัจจุบันบริษัทพลังงานของ สอ. ที่ประกาศล้มละลายแล้วมีจำนวนทั้งหมด ๒๐ ราย โดยสถานการณ์ดังกล่าวสร้างแรงกดดันเพิ่มขึ้นให้ รบ. สอ. ต้องทบทวนมาตรการกำหนดเพดานราคาพลังงาน[2]
    ๒.๒ ธุรกิจค้าปลีก บ. Barclaycard ให้ข้อมูลว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต/เครดิตของ สอ. ในช่วงสัปดาห์เทศกาลลดราคาสินค้า Black Friday ในเดือน พ.ย. ๖๔ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๓ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นจากปี ๖๒ ร้อยละ ๒.๔ ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากภาคการใช้จ่ายครัวเรือนฟื้นตัวขึ้นมากในช่วงเทศกาลประจำปีหลังวิกฤตโควิดบรรเทาลง โดยเฉพาะในปีนี้ที่ผู้บริโภคจับจ่ายสินค้าสำหรับช่วงเทศกาลคริสต์มาสล่วงหน้าเนื่องจากกังวลว่าสินค้าบางรายการจะขาดแคลนจากปัญหาการขนส่ง โดย บ. AO World ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกสำหรับครัวเรือน ให้ข้อมูลว่า บริษัทได้จ้าง พนง. ขับรถส่งสินค้าเพิ่มจำนวน ๕๐๐ ตำแหน่ง สำหรับช่วงเทศกาลในปีนี้เพื่อให้บริการจัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการ เช่น เกมส์และเครื่องเล่นเกมส์ ที่พึ่งพาการประกอบชิ้นส่วนไมโครชิปยังคงไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตการขาดแรงงานและวัตถุดิบ[3]
    ๒.๓ อุตสาหกรรมรถยนต์ สมาคมผู้ผลิตและผู้ค้ารถยนต์ของ สอ. (Society of Motor Manufactures and Traders – SMMT) รายงานว่า ยอดการผลิตรถยนต์ของ สอ. ในเดือน ต.ค. ๖๔ คิดเป็นจำนวน ๖๔,๗๒๙ คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๔๑.๔ และลดลงเป็นเดือนทีสี่ติดต่อกัน นอกจากนี้ ยังเป็นสถิติประจำเดือน ต.ค. ที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี ๒๔๙๙  โดยมีปัจจัยจากปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วน semiconductor ทั่วโลก และส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปิดศูนย์ผลิตรถยนต์ (แบบเครื่องยนต์เชื้อเพลิง) ของ บ. Honda ที่เมือง Swindon ในปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาเพื่อย้ายฐานการผลิตไปยังสหรัฐฯ และญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี ยอดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ในเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๗.๕ (๘,๔๕๔ คัน) มีจำนวนรวมตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน ต.ค. มากกว่า ๕๐,๐๐๐ คัน จึงถือว่าตลาด สอ. ตอบรับนโยบายด้าน สวล. ของ รบ. สอ. มากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ รบ. สอ. จะเริ่มบังคับใช้มาตรการห้ามจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงตั้งแต่ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ และห้ามจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดตั้งแต่ปี ค.ศ. ๒๐๓๕ เป็นต้นไป[4]
   ๒.๔ การบิน สายการบิน EasyJet ให้ข้อมูลว่าข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์โอไมครอนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ลูกค้าบางส่วนเลื่อนวันเดินทางออกไปเป็นต้นปีหน้า โดยเมื่อวันที่ ๒๙ พ.ย. บริษัทได้ประกาศขยายเวลาให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนวันเดินทางบนบัตรโดยสารเครื่องบินโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมจนถึงเดือน มี.ค. ๖๕ ทั้งนี้ EasyJet รายงานว่า ยอดการจองบัตรโดยสารเครื่องบินในช่วงวันหยุดฤดูร้อนปีหน้ายังไม่ได้รับผลกระทบและยอดรายรับในช่วงครึ่งหลังของปี งปม. ที่ผ่านมา (เม.ย. - ก.ย. ๖๔) มีจำนวนสูงกว่าในปี ๖๒ ทั้งปี ซึ่งมีปัจจัยจากการปรับแผนการให้บริการที่เน้นเส้นทางระยะสั้นในภูมิภาคยุโรปมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาได้เพิ่มจำนวนเครื่องบิน ๒๕ ลำ และเพิ่มจำนวนการให้บริการเที่ยวบินที่สนามบิน Gatwick ในกรุงลอนดอน สนามบิน Linate ในเมืองมิลาน และสนามบินเมือง Porto และ Lisbon ในโปรตุเกส เป็นต้น อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีผลประกอบการขาดทุนในช่วง ต.ค. ๖๓ - ก.ย. ๖๔ คิดเป็นมูลค่า ๑.๑๔ พันล้านปอนด์ (ซึ่งขาดทุนเพิ่มขึ้นจากจำนวน ๘๓๕ ล้านปอนด์ในปีที่ผ่านมา)[5]

๒. ด้านนโยบายต่าง ๆ ของ รบ. สอ.
    ๒.๑ เมื่อวันที่ ๑๖ พ.ย. ๖๔ รบ. สอ. โดยนาง Anne-Marie Trevelyan รมว. การค้า รปท. (Department for International Trade - DIT) ประกาศแผนงานส่งเสริมการส่งออก (12-Point Export Strategy[6])  โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มยอดการส่งออกของ สอ. ในตลาดโลกให้ได้มูลค่า ๑ ล้านล้านปอนด์ต่อปีภายใน ๑๐ ปีข้างหน้านี้ ถือเป็นการส่งเสริมภาคธุรกิจส่งออกของ สอ. ตามนโยบาย Global Britain ภายใต้ชื่อ “Made in the UK, Sold to the World” แผนงานดังกล่าวประกอบด้วยการปรับปรุงบทบาทของหน่วยงานรัฐในด้านการให้บริการด้านคำปรึกษาและสินเชื่อเพื่อการส่งออก (Export Support Service) ในจุดเดียว (one-stop shop) การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยในงานแสดงสินค้าทั่วโลก (UK Tradeshow Programme) เพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจรายย่อย (SMEs) ของ สอ. โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่นอกกรุงลอนดอนและในภาค ตอ. เฉียงใต้ของอังกฤษ การขยายสถาบันฝึกอบรม Export Academy (ก่อตั้งในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา) ไปยังสกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารของบริษัท SME ของ สอ. ในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม ให้พัฒนาทักษะในการเจรจาธุรกิจและขยายเครือข่ายทางธุรกิจด้านการส่งออก นอกจากนี้ ยังตั้งกองทุน Internationalisation Fund มูลค่า ๔ ล้านปอนด์ สำหรับ DIT (โดยหน่วยงาน UK Export Finance) สนับสนุนบริษัท SME ในอังกฤษที่ต้องการขยายการลงทุนใน ตปท. และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า (Trade Fairs) เป็นต้น ทั้งนี้ ในปี ๖๓ สอ. ส่งออกสินค้าและบริการคิดเป็นมูลค่า ๖ แสนล้านปอนด์ และมีจำนวนบริษัทผู้ส่งออกเฉลี่ยคิดเป็น ๑ ใน ๑๐ ของบริษัททั้งหมดของ สอ. ซึ่งลดลงจากปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ ปท. คู่แข่งสำคัญ เช่น เยอรมนี เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์ โดย DIT เชื่อว่าแผนดังกล่าวจะช่วยขยายโอกาสด้านการส่งออกของ สอ. ในระดับโลกมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้น ศก. สอ. และกระจายความเจริญสู่ภาคต่าง ๆ ของ สอ.[7] อย่างไรก็ดี ภาคธุรกิจบางส่วนมองว่า สอ. ไม่ควรมองข้ามตลาดส่งออกใน EU เนื่องจากยังเป็นตลาดส่งออกส่วนใหญ่แม้ว่า สอ. จะออกจาก EU แล้ว อีกทั้งมีอุปสรรคด้านระยะทางน้อยกว่าตลาดอื่น ซึ่งหากสามารถทำ คตล. กับ EU เพื่อสนับสนุนการค้าซึ่งกันและกันได้ ภาคธุรกิจ สอ. จึงจะสามารถขยายขีดความสามารถในการส่งออกได้อย่างแท้จริง
     ๒.๒ เมื่อวันที่ ๒๒ พ.ย. ๖๔ รบ. สอ. โดยนรม. Boris Johnson ได้ประกาศนโยบายส่งเสริมให้บ้านพักอาศัยและอาคารที่สร้างขึ้นใหม่หรือที่มีการปรับปรุงโครงสร้างใหม่ในอังกฤษ เช่น สนง. และซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่มีพื้นที่จอดรถมากกว่า ๑๐ คันขึ้นไป ต้องติดตั้งจุดชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (electric vehicle charge point) โดยเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ทั้งนี้ รบ. สอ. มีแผนที่จะติดตั้งจุดชาร์จไฟฟ้าทั่วอังกฤษประมาณ ๑๔๕, ๐๐๐ จุดต่อปี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ นอกจากนี้ องค์กร Innovate UK ซึ่งเป็นหน่วยงานของภาครัฐ จะให้เงินทุนกู้ยืมเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมเพิ่มมูลค่า ๑๕๐ ล้านปอนด์ภายใน ๓ ปี (Innovation Loans) เพื่อสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในด้านต่าง ๆ รวมถึงด้าน สวล. ของภาคธุรกิจ SME ของ สอ.[8]

๓. ทิศทางเศรษฐกิจของ สอ.
    ๓.๑ สนง. สถิติแห่งชาติของ สอ.[9] (Office for National Statistics – ONS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Prices Index – CPI) ประจำเดือน ต.ค. ๖๔ ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ ๔.๒ สะท้อนถึงการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อที่รวดเร็วมากที่สุดในรอบเกือบ ๑๐ ปี โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น กว่าร้อยละ ๒๕ (สูงที่สุดนับตั้งแต่ ก.ย. ๒๕๕๕) ก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๘.๑ และค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๘.๘  กอปรกับราคารถยนต์มือสองปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๗.๔ นับตั้งแต่เดือน เม.ย. ๖๔ จากปัญหาการผลิตรถยนต์ใหม่มีปริมาณไม่เพียงพอ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์การเงินหลายฝ่ายคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England – BoE) มีแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มสูงถึงร้อยละ ๕ ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้เพื่อบรรเทาภาวะค่าครองชีพสูง
    ๓.๒ รายงานอีกฉบับของ ONS[10] ระบุว่า ภาคธุรกิจค้าปลีกฟื้นตัวกลับมาได้ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิดแล้ว โดยยอดขายของภาคธุรกิจค้าปลีกโดยรวมประจำเดือน ต.ค. ๖๔ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๘ ถือเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ ๕ เดือนและมีมูลค่าสูงกว่าช่วงก่อนวิกฤตโควิด (ก.พ. ๖๒) ร้อยละ ๕.๘ ซึ่งมีปัจจัยจากการที่มาตรการควบคุมต่าง ๆ ผ่อนคลายลงเกือบเป็นปกติ และ ปชช. ตื่นตัวในการซื้อสินค้าสำหรับเทศกาลคริสต์มาสล่วงหน้า โดยแนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้สัดส่วนการขายสินค้าออนไลน์ลดลงคิดเป็นร้อยละ ๒๗.๓ ถือเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ มี.ค. ๖๓ ในขณะที่ยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๒ โดยเฉพาะเสื้อผ้า ของเล่นเด็ก และอุปกรณ์กีฬา ทั้งนี้ สถิติที่น่าสนใจ คือ ยอดขายสินค้ามือสองในร้านการกุศลต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ ๕ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด โดยสะท้อนถึงกระแส ศก. หมุนเวียนที่เริ่มก่อตัวขึ้นใน สอ. การถือค่านิยมในการลดของเหลือใช้เพื่อ สวล. เพิ่มขึ้น และการลดค่าครองชีพด้วยตนเอง[11]



[1] https://www.bbc.co.uk/news/business-59399753
[2] https://www.bbc.co.uk/news/business-59373198
[3] https://www.bbc.co.uk/news/business-59409507
[4] https://www.bbc.co.uk/news/business-59428936
[5] https://www.bbc.co.uk/news/business-59465994
[6] https://www.gov.uk/government/publications/export-strategy-made-in-the-uk-sold-to-the-world/made-in-the-uk-sold-to-the-world-web-version
[7] https://www.gov.uk/government/news/made-in-the-uk-sold-to-the-world-new-strategy-to-boost-exports-to-1-trillion
[8] https://www.gov.uk/government/news/pm-to-announce-electric-vehicle-revolution
[9] https://www.ons.gov.uk/economy/inflationandpriceindices/bulletins/consumerpriceinflation/october2021
[10] https://www.ons.gov.uk/businessindustryandtrade/retailindustry/bulletins/retailsales/october2021
[11] https://www.bbc.co.uk/news/business-59337603