สรุปข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญใน สอ. ในช่วงวันที่ 16 - 31 ต.ค. 2564

สรุปข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญใน สอ. ในช่วงวันที่ 16 - 31 ต.ค. 2564

วันที่นำเข้าข้อมูล 25 พ.ย. 2564

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 4,799 view

๑. ผลกระทบจากวิกฤตโควิดต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของ สอ.
    ๑.๑ การจ้างงาน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารหลายแห่งประกาศจ้าง พนง. ชั่วคราวเพิ่มสำหรับช่วงเทศกาลคริสต์มาส อาทิ ซุปเปอร์มาร์เก็ต Asda ประกาศจ้าง พนง. ชั่วคราวเพิ่ม ๑๕,๐๐๐ ตำแหน่ง Marks & Spencer ๑๒,๐๐๐ ตำแหน่ง Boots ๕,๕๐๐ ตำแหน่ง ในขณะที่ Amazon ประกาศจ้าง พนง. ประจำและชั่วคราวเพิ่ม ๒๐,๐๐๐ ตำแหน่งทั่ว สอ. โดยเสนอเงินโบนัสไม่เกิน ๓,๐๐๐ ปอนด์ต่อรายแก่ พนง. ใหม่ด้วย[1] ทิศทางดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลของ สนง. สถิติแห่งชาติของ สอ. (Office for National Statistics – ONS) ที่ระบุว่า ตำแหน่งงานว่าง (job vacancies) ในส่วนของภาคธุรกิจค้าปลีกระหว่างช่วงเดือน ก.ค. - ก.ย. ๖๔ มีจำนวนกว่า ๑.๑ ล้านตำแหน่ง[2]ซึ่งถือเป็นสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ และสะท้อนการฟื้นตัวของภาคการจ้างงานและการประกอบธุรกิจในภาพรวมที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลัง สอ. ออกจากล็อกดาวน์ ในขณะเดียวกันความต้องการจ้าง พนง. ขับรถขนส่งเพื่อรองรับพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน อาทิ ร้าน Domino’s Pizza ประกาศจ้าง พนง. ขับรถส่งอาหารตามบ้านประจำและชั่วคราวกว่า ๘,๐๐๐ ตำแหน่งใน สอ. และไอร์แลนด์ เพื่อรองรับยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับแผนการเปิดสาขาใหม่อีก ๓๐ แห่งในปีนี้ อย่างไรก็ดี สถานการณ์การขาดแคลน พนง. ขับรถขนส่งใน สอ. ยังคงเป็นอุปสรรคและส่งผลให้ต้นทุนในภาคการขนส่งเพิ่มขึ้นจากการแข่งขันเพิ่มค่าจ้าง ซึ่งเป็นปัจจัยการเพิ่มสูงขึ้นของค่าครองชีพในปัจจุบัน
     ๑.๒ รถยนต์ บ. Ford ประกาศแผนลงทุนมูลค่า ๒๓๐ ล้านปอนด์ ในด้านการผลิตอุปกรณ์/ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ไฟฟ้าที่ศูนย์การผลิตเมือง Halewood ของ สอ. ซึ่งจะใช้การจ้างงาน ๕๐๐ ตำแหน่งที่ศูนย์ดังกล่าวโดยได้รับการสนับสนุนเงินส่วนหนึ่งจากโครงการ Automotive Transformation Fund ของ รบ. สอ.[3] เพื่อกระตุ้นและรองรับการปรับตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุคหลังวิกฤตโควิด ทั้งนี้ บริษัทจะเริ่มผลิตเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า (electric power units) เพื่อใช้แทนเครื่องยนต์ (engine) และเกียร์ (transmission) น้ำมันในปี ๒๕๖๗ ก่อนหน้านี้ในเดือน ก.ค. บ. Nissan ประกาศเพิ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ศูนย์การผลิตในเมือง Sunderland ซึ่งจะเพิ่มการจ้างงาน ๑,๖๕๐ ตำแหน่ง ในขณะที่ บ. Envision AESC ซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้าของ Nissan วางแผนสร้างศูนย์ผลิตแบตเตอรีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยพัฒนาการดังกล่าวเป็นไปตามแผนการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวใน สอ. ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี ๒๕๗๓[4]
     ๑.๓ การลงทุน ข้อมูลของ EPFR[5] ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติได้ถอนหุ้นกองทุนรวมตราสารทุน (Equity Fund) ออกจาก สอ. มูลค่า ๖.๙๕ พันล้านปอนด์ในปี ๖๔ โดยมีปัจจัยจากแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคารกลางอังกฤษและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากปัญหาระบบห่วงโซ่อุปทานและวิกฤตราคาก๊าซพลังงาน และถือเป็นปีที่ ๖ ติดต่อกันที่นักลงทุนทยอยถอนหุ้นออกจาก สอ.

๒. ด้านนโยบายต่าง ๆ ของ รบ. สอ.
    ๒.๑ เมื่อวันที่ ๑๘ ต.ค. ๖๔ รบ. สอ. ประกาศมาตรการส่งเสริมการเปลี่ยนระบบทำความร้อนแบบ low-carbon heating systems ภายในครัวเรือนของ สอ. แทนการใช้ก๊าซธรรมชาติภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๕ เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากบ้านพักอาศัยและอาคาร สนง. ของภาครัฐภายใต้แผน Heat and Buildings Strategy[6] ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย 10 Point Plan for a Green Industrial Revolution[7] ของ รบ. สอ. ทั้งนี้ รบ. สอ. ได้จัดสรร งปม. ๓.๙ พันล้านปอนด์สำหรับโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการ Boiler Upgrade Scheme มูลค่า ๔๕๐ ล้านปอนด์ โดย รบ. สอ. จะให้เงินสนับสนุนการติดตั้งระบบทำความร้อนภายในบ้านแบบ low-carbon heating systems แก่ ๙๐,๐๐๐ ครัวเรือน ๆ ละ ๕,๐๐๐ ปอนด์ / โครงการ Home Upgrade Grant scheme มูลค่า ๙๕๐ ล้านปอนด์ / โครงการ Social Housing Decarbonisation Fund มูลค่า ๘๐๐ ล้านปอนด์ เป็นต้น นอกจากนี้ รบ. สอ. ยังจัดตั้งโครงการ Flexibility Innovation Programme มูลค่า ๖๕ ล้านปอนด์เพื่อสนับสนุนการลงทุนด้านนวัตกรรมในการพัฒนาระบบทำความร้อนแบบ low-carbon ให้มีขนาดเล็กลง ติดตั้งได้ง่ายขึ้นและมีต้นทุนในการใช้งานที่ถูกลง โดยคาดว่าแผนดังกล่าวจะช่วยลดการพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงของ สอ. ลดความเสี่ยงที่มีปัจจัยจากการแปรผันทางด้านราคาก๊าซของโลก และช่วยสนับสนุนการจ้างงานเพิ่มขึ้น ๒๔๐,๐๐๐ ตำแหน่งทั่ว สอ. ภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๕ ด้วย[8]
     ๒.๒ เมื่อวันที่ ๑๙ ต.ค. ๖๔ นรม. Boris Johnson ได้พบหารือกับผู้แทนบริษัทและองค์กรชั้นนำของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในระดับ ปท. และระดับโลก อาทิ บ. Nissan / Stellantis / BMW / Ford / Toyota / JLR และ BP เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของ รบ. สอ. ที่จะจำกัดการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงใน สอ. ภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ และเน้นการลงทุนในการขยายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและเพิ่มจุดชาร์จไฟฟ้าทั่ว สอ. เพื่อบรรลุเป้าหมาย net zero ภายในปี ค.ศ. ๒๐๕๐ โดยมุ่งหวังให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนในด้านดังกล่าวควบคู่กันไป ในโอกาสนี้ รบ. สอ. ได้ประกาศการสนับสนุน งปม. เพิ่มเติมภายใต้แผน Net Zero Strategy[9] เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในภาคเอกชน มูลค่าประมาณ ๑ พันล้านปอนด์ ได้แก่ การให้เงินเพิ่มจำนวน ๓๕๐ ล้านปอนด์เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการภาคขนส่งใช้พลังงานไฟฟ้าในยานพาหนะรวมถึงบริษัทในระบบห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง และการให้เงินทุนช่วยเหลือเพื่อส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและระบบโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะจุดชาร์จไฟฟ้าบนถนนในย่านที่พักอาศัย (รวม งปม. ด้านยานยนต์ไฟฟ้าเป็นเงินทั้งหมด ๒.๕ พันล้านปอนด์นับตั้งแต่ งปม. ปี ๖๓)[10] 
     ๒.๓ เมื่อวันที่ ๒๐ ต.ค. ๖๔ รบ. สอ. ประกาศผลสำเร็จในการบรรลุ คตล. การค้าเสรีระหว่าง สอ. และนิวซีแลนด์[11] ภายหลังการหารือผ่าน กปช. ทางไกลระหว่างนาง Jacinda Ardern นรม. นิวซีแลนด์ กับ นรม. Johnson โดยคณะผู้แทนของทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการเจรจาหารือกันในส่วนของรายละเอียดมาเป็นระยะเวลา ๑๖ เดือนก่อนหน้านี้ ซึ่ง คตล. ดังกล่าวถือเป็น คตล. การค้าเสรีฉบับแรกของทั้งสองฝ่ายภายใต้เงื่อนไขใหม่ (มิใช่ คตล. เพื่อคงสภาพการค้าระหว่างนิวซีแลนด์กับ EU) โดยมีรายละเอียดสำคัญ เช่น การลดหย่อน/ยกเลิกภาษีร้อยละ ๑๐ สำหรับสินค้าของ สอ. หลายรายการที่ส่งออกไปนิวซีแลนด์ เป็นต้น ซึ่ง รบ. สอ. คาดว่า คตล. ดังกล่าวจะช่วยลดอุปสรรคและขั้นตอนทางการค้า รปท. และเพิ่มโอกาสด้านการลงทุนให้แก่ธุรกิจด้านบริการและเทคโนโลยี รวมถึงช่วยธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กให้สามารถเข้าถึงตลาดของนิวซีแลนด์ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังถือเป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุน สอ. ในการเข้าเป็นสมาชิก CPTPP ด้วย อนึ่ง นับตั้งแต่ สอ. ออกจาก EU สามารถจัดทำ/สรุป คตล. การค้ากับ ปท. ต่าง ๆ นอก EU ได้แล้วมากกว่า ๖๘ ปท. และอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าเป็นภาคีใน CPTPP
    ๒.๔ เมื่อวันที่ ๒๗ ต.ค. ๖๔ นาย Rishi Sunak รมว. กค. สอ. ประกาศแผน งปม. ประจำครึ่งปีหลังของปี ๒๕๖(Autumn Budget 2021)[12] โดยมุ่งเน้นมาตรการด้านภาษี มาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจ การจ้างงาน และส่งเสริมการกระจายความเจริญไปสู่แหล่งชุมชนทั่ว สอ. เพื่อขับเคลื่อน ศก. สอ. ให้ฟื้นตัวขึ้นในยุคหลังโควิด-๑๙ ควบคู่ไปกับการรักษาวินัยการคลัง ซี่งประกอบด้วยมาตรการสำคัญ ดังนี้
        ๑) ภาษี – ปรับลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับผู้ที่ขอรับเงินสวัสดิการสังคม (Universal Credit taper rate) จากร้อยละ ๖๓ เป็นร้อยละ ๕๕ เพื่อช่วยให้ผู้ที่มีรายได้ต่ำได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐเพิ่มขึ้น / ปรับลดอัตราภาษีการโดยสารทางอากาศ (air passenger duty) ภายในประเทศ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ เม.ย. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป / ปรับปรุงมาตรการเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามปริมาณส่วนผสมแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มแต่ละประเภท และปรับลดอัตราภาษีร้อยละ ๕ สำหรับเบียร์สด (draft beer) และเบียร์ผลไม้ (cider) / และคงอัตราภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
        ๒) การจ้างงาน – ปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำจาก ๘.๙๑ ปอนด์ เป็น ๙.๕๐ ปอนด์ต่อ ชม. ตั้งแต่เดือน เม.ย. ๖๕ เป็นต้นไป / ปรับขึ้นอัตราเงินเดือนสำหรับ จนท. ของภาครัฐในบาง สนง. ภายในสามปีข้างหน้านี้ / และเพิ่มเงินสนับสนุนผ่านโครงการพัฒนาทักษะอาชีพต่าง ๆ ให้แก่ ปชช. จำนวน ๓.๘ พันล้านปอนด์ เช่น โครงการ Multiply Programme เพื่อพัฒนาทักษะด้านคณิตศาสตร์ เป็นต้น
        ๓) การช่วยเหลือภาคธุรกิจและการลงทุน – การคืนภาษีธุรกิจ (business rate) สำหรับธุรกิจ
ค้าปลีก ภาคบริการสันทนาการและบันเทิง (hospitality) ในอังกฤษ ในอัตราร้อยละ ๕๐ หรือไม่เกินมูลค่า ๑๑๐,๐๐๐ ปอนด์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี งปม. ๒๕๖๕ / ขยายมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับสนามบินในอังกฤษออกไปเป็นเวลา ๖ เดือน (Airport and Ground Operations Support Scheme - AGOSS)[13] / จัดสรรเงินจำนวน ๑.๔ พันล้านปอนด์ เพื่อดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนใน สอ. (Global Britain Investment Fund) เป็นต้น
       ๔) สาธารณสุข – จัดสรรเงินเพิ่มจำนวน ๕.๙ พันล้านปอนด์ให้แก่ NHS (รวมแล้วกว่า ๑.๗๗ แสนล้านปอนด์) เพื่อแก้ไขปัญหานัดหมายค้างสะสม / ยืนยันการจัดสรรเงินจำนวน ๔.๒ พันล้านปอนด์ภายในสามปีข้างหน้าเพื่อสร้าง รพ. ใหม่จำนวน ๔๐ หลัง และเพื่อปรับปรุง รพ. ใน สอ. กว่า ๗๐ แห่ง / ยืนยันการจ้าง จนท. NHS เพิ่มจำนวน ๕๐,๐๐๐ ตำแหน่ง เป็นต้น
       ๕) ด้านอื่น ๆ – จัดสรรเงินจำนวน ๑.๕ พันล้านปอนด์ เพื่อพัฒนาที่ดินปล่อยว่างที่ไม่เหมาะสำหรับเกษตรกรรม (brownfield) ในอังกฤษจำนวน ๑,๕๐๐ เอเคอร์ เพื่อใช้สำหรับการสร้างบ้านพักอาศัยใหม่จำนวน ๑๖๐,๐๐๐ หลัง / ยืนยันเงินลงทุนมูลค่า ๑๑.๕ พันล้านปอนด์ เพื่อสร้างที่พักอาศัยที่มีราคาย่อมเยาจำนวนไม่เกิน ๑๘๐,๐๐๐ หลัง (Affordable Homes Programme) / การให้เงินจำนวน ๘๕๐ ล้านปอนด์ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงอาคารสาธารณะ เช่น พิพิธภัณฑ์และแกลอรีทั่ว สอ. รวมถึงการจัดสรรเงินจำนวน ๗ พันล้านปอนด์ สำหรับการพัฒนาเครือข่ายด้านการคมนาคมโดยเฉพาะในเขตปริมณฑลของเมืองแมนเชสเตอร์ / West Midlands และ South Yorkshire เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระจายความเจริญไปยังพื้นที่นอกกรุงลอนดอน (Levelling Up Fund) ของ รบ. สอ.                 

๓. ทิศทางเศรษฐกิจของ สอ.
    ๓.๑ ข้อมูลของ ONS[14] รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Prices Index - CPI) ในรอบ ๑ ปีจนถึงเดือน ก.ย. ๖๔ ทรงตัวในระดับสูงที่ร้อยละ ๓.๑ โดยมีปัจจัยจากต้นทุนภาคขนส่งและราคาบ้านพักอาศัยที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ONS คาดการณ์ว่าดัชนี CPI จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในเดือน ต.ค. เนื่องจากการปรับขึ้นเพดานราคาก๊าซที่ใช้ในครัวเรือน กอปรกับการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงที่สุดตั้งแต่ ก.ย. ๕๖ ในช่วงชะงักงันด้านการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและการสิ้นสุดของมาตรการลดหย่อนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับภาคธุรกิจ hospitality เมื่อวันที่ ๓๐ ก.ย. ๖๔ ทำให้มีการปรับ VAT ขึ้นจากร้อยละ ๕ มาอยู่ที่ร้อยละ ๑๒.๕ ซึ่งสะท้อนถึงอัตราค่าครองชีพที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้และอาจส่งผลให้ผลผลิต (productivity) ของ สอ. ลดลงแม้ว่าภาพรวม ศก. จะขยายตัวต่อเนื่องก็ตาม[15]
    ๓.๒ รายงานอีกฉบับของ ONS[16] ระบุว่า ยอดขายของภาคธุรกิจค้าปลีกประจำเดือน ก.ย. ๖๔ ปรับตัวลดลงร้อยละ ๐.๒ ถือเป็นการปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ ๕ ติดต่อกัน แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนวิกฤตโควิดร้อยละ ๔.๒ ทั้งนี้ ร้านขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารโดยเฉพาะสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านได้รับผลกระทบมากที่สุดโดยมียอดขายลดลงร้อยละ ๙.๓ ในขณะที่ยอดขายน้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๙ ซึ่งมีปัจจัยจากการที่ ปชช. เร่งกักตุนน้ำมันรถยนต์ในสถานการณ์การขาดแคลน พนง. ขับรถขนส่งน้ำมันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ในส่วนของยอดขายออนไลน์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๘.๑ จากร้อยละ ๒๗.๙ ในเดือนที่แล้ว เช่นเดียวกับยอดขายของห้างสรรพสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๓ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เห็นว่าปัจจัยปัญหาการขาดแคลนแรงงานและอัตราผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ ที่ยังมีจำนวนสูงอยู่อาจทำให้ยอดขายของภาคธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อไปในช่วงไตรมาสที่สี่ของปีนี้ แต่อาจได้รับแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสซึ่งเป็นช่วงที่มักมีการใช้จ่ายสูงสุดในรอบปี[17]  ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการส่งออกของไทยควรนำมาประกอบการพิจารณาในการปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และแนวโน้มอย่างเหมาะสมต่อไป



[1] https://www.bbc.co.uk/news/business-58965058
[2] https://www.ons.gov.uk/employmentandlabourmarket/peopleinwork/employmentandemployeetypes/bulletins/uklabourmarket/september2021
[3] https://www.gov.uk/government/news/49-million-uplift-drives-automotive-industry-towards-green-future
[4] https://www.gov.uk/government/news/government-takes-historic-step-towards-net-zero-with-end-of-sale-of-new-petrol-and-diesel-cars-by-2030
[5] https://financialintelligence.informa.com/epfr
[6] https://www.gov.uk/government/publications/heat-and-buildings-strategy
[7] https://www.gov.uk/government/news/pm-outlines-his-ten-point-plan-for-a-green-industrial-revolution-for-250000-jobs
[8] https://www.gov.uk/government/news/plan-to-drive-down-the-cost-of-clean-heat
[9] https://assets.publishing.service.gov.uk/government/uploads/system/uploads/attachment_data/file/1026655/net-zero-strategy.pdf
[10] https://www.gov.uk/government/news/prime-ministers-automotive-roundtable-19-october-2021
[11] https://www.gov.uk/government/news/uk-agrees-historic-trade-deal-with-new-zealand
[12] https://assets.publishing.service.gov.uk/government/uploads/system/uploads/attachment_data/file/1029973/Budget_AB2021_Print.pdf
[13] https://www.gov.uk/guidance/applying-for-covid-19-airport-and-ground-operations-funding
[14] https://www.ons.gov.uk/economy/inflationandpriceindices/bulletins/consumerpriceinflation/september2021
[15] https://www.ft.com/content/591c03eb-938d-4cd1-8822-daa4442dc593
[16] https://www.ons.gov.uk/businessindustryandtrade/retailindustry/bulletins/retailsales/september2021
[17] https://www.bbc.co.uk/news/business-59006619